1. แนะนำตัวคร่าวๆให้รู้จักกันหน่อยครับสวัสดีค่ะ ชื่อเบญจวรรณ ถิระวานิช หรือส้มนะคะ
เคยทำงานเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินตะวันออกกลาง Etihad Airways ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ค่ะ
ปัจจุบัน เป็นบล็อกเกอร์เพจ Som FlyGirl , คุณครูพิเศษสอนภาษาอังกฤษ และเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามค่ะ
2. อาชีพแอร์โฮสเตสจำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษมั้ยครับจำเป็นค่ะ ...อย่างแรกเลย กระบวนการในการสัมภาษณ์งานทั้งหมด ส่วนใหญ่นั้นเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งเราจะต้องแสดงทัศนคติ การเล่าประสบการณ์ การทำงานกลุ่ม และรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเราเองเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
และเมื่อได้รับเลือก เราก็จะต้องได้รับการเทรนในเรื่องความปลอดภัย การบริการ โภชนาการและการปฐมพยาบาลทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วยค่ะ
ซึ่งทุกอย่างจะใช้การท่องจำอย่างเดียวไม่ได้ เค้าจะให้เราปฏิบัติและนำเสนอให้เป็นในทุกขั้นตอนก่อนจะขึ้นเครื่องไปทำงานจริงค่ะ
3. อยากให้คุณส้มช่วยแชร์ประสบการณ์ใช้ภาษาอังกฤษครั้งแรกหน่อยครับ ว่าเหมือนกับที่เรียนมามั้ย ต้องปรับตัวหรือกดดันอะไรบ้างจริงๆแล้ว ภาษาอังกฤษในบทเรียนกับการสื่อสารจริงมันค่อนข้างต่างนะคะ อย่างสมัยก่อนที่ส้มเรียนที่คณะอักษรศาสตร์
ส้มจะเน้นเรื่องการอ่านกับไวยากรณ์เป็นหลัก คิดอะไรที่เกี่ยวกับภาษาจะใช้เวลาตรึกตรองนาน
แต่พอมาทำงานกับต่างชาติ รู้เลยว่า เราจะมาไตร่ตรองไวยากรณ์สละสลวยไม่ได้แล้ว
กลายเป็นเน้นการจดจำและความเคยชินในการพูดเป็นหลัก รวมไปถึงการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆในชีวิตประจำวันด้วยประสบการณ์
ซึ่งถ้าถามว่ากดดันไหม ก็ต้องบอกเลยว่ากดดันนะคะในช่วงแรก เพราะด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ...
เราต้องโต้ตอบไว คิดไว และทุกอย่างต้องเป็นภาษาอังกฤษ
4. คิดว่าถ้าอยากสื่อสารกับฝรั่งได้ ต้องพัฒนาทักษะอะไรเป็นอย่างแรกทักษะการฟังกับการพูดค่ะ ต้องมาพร้อมกันเลย หลายๆคนส้มเชื่อว่าฟังออกนะ แต่โต้ตอบไม่ได้ หรือไม่รู้จะพูดอะไร
ฝรั่งเค้าก็จะคิดว่าเราไม่เข้าใจเค้าอยู่ดี ฉะนั้น ทักษะทั้งการฟังและการพูดประกอบกัน ถึงจะเกิดการสื่อสารกับฝรั่งได้
5. ผิดบ่อยมั้ย และทำยังไงเวลาพูดผิด [/color]
ตอนแรกๆนี่ผิดบ่อยอยู่แล้วค่ะ ยิ่งเราพูดเร็ว โอกาสผิดก็ยิ่งสูง แต่ทุกครั้งที่ผิด จะคอยบอกตัวเองว่า
"เราจะไม่ให้ใครเข้าใจว่าภาษาอังกฤษเราเป็น Broken English เด็ดขาด"เราต้องไม่ผิดซ้ำ บางครั้งก็จะจดไว้เลย
6. คิดว่าปัญหาหลักของคนไทยส่วนใหญ่กับภาษาอังกฤษคืออะไรจากประสบการณ์ของส้มนะคะ ปัญหาหลักเลยของคนไทยก็คือความกล้าที่จะพูด
หลายครั้ง ส้มเห็นหลายคนจริงๆพูดได้นะ แล้วก็รู้ด้วยว่าตนเองพูดได้
จะสังเกตได้ว่า เมื่อเห็นคนอื่นตอบคำถามหรือพูดประเด็นอะไรออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
ในใจของหลายๆคนก็จะคิดตามและมีคำตอบของตนเองอยู่ในใจนะ แต่อายที่จะพูดสิ่งสิ่งนั้นออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
เพราะกลัวผิด ไม่ว่าจะเป็นความกลัวผิดไวยากรณ์ กลัวเริ่มพูดไปแล้วจบไม่ได้ หรือแม้แต่กลัวคนฟังไม่เข้าใจ
ซึ่งสิ่งๆนี้ล้วนเป็นอุปสรรคในการสื่อสาร หรือแม้แต่การประเมินศักยภาพทางด้านการพูดภาษาอังกฤษของตนเอง
...เพียงเพราะความกลัวเพียงอย่างเดียว
7. อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษ หรือ กำลังท้ออยุ่กับภาษาของตัวเองบ้างอยากฝากให้ทุกๆคนกล้าที่จะฝึกฝน ที่จะพูดออกมานะคะ
บางครั้งความกลัวก็เป็นสิ่งที่ปิดกั้นโอกาสเราที่จะได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองได้มากเลยทีเดียว
ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน อยากให้เราลองอ่านมากๆ สะสมคลังศัพท์ไปเรื่อยๆ แล้วจึงหัดแต่งประโยคด้วยตัวเอง
อย่าเพิ่งท้อและคิดว่าทำไม่ได้หากยังไม่ได้พยายาม
8. อาชีพแอร์โฮสเตสได้พบเจอผู้คนหลายชาติทั้งทำงาน และเที่ยว ช่วงแรก มีปัญหากับการฟัง หรือ การสื่อสารกับคนสำเนียงต่างๆบ้างมั้ยช่วงแรกนี่ส้มต้องยอมรับเลยว่า มีปัญหากับสำเนียงภาษาอังกฤษของคนอินเดีย กับคนสก็อตแลนด์หรืออังกฤษจาก Liverpool มาก
เพราะฟังไม่รู้เรื่อง เคสแรกนี่เพราะสำเนียงเค้าแรงมาก ส่วนเคสที่สองนี่คือฟังไม่ทัน
แต่ด้วยอาชีพ ยิ่งฟังไม่รู้เรื่อง ก็ยิ่งต้องฟัง บังคับตัวเองให้เข้าไปคุยเลยเยอะๆ เพราะเราหนีหน้าที่ไม่ได้
และบ่อยครั้งต้องร่วมงานกัน จนในที่สุดก็ชินและไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปค่ะ
9. รบกวนคุณส้มช่วยแชร์เคล็ดลับ หรือเทคนิคฝึกภาษาอังกฤษที่คุณส้มคิดว่าฝึกแล้วได้ผลที่สุดให้กับทุกคนด้วยครับเทคนิคที่ส้มใช้ฝึกกับตัวเองก็คือ คิด จด พูด เรียงกันเป็น 3 สเต็ปค่ะ ...อธิบายอย่างละเอียดเลยก็คือ 1. ส้มจะคิดถึงสิ่งที่เราต้องการจะพูดหรือคิดว่าจะใช้ในการตอบสัมภาษณ์มาทั้งหมดให้เป็นภาษาอังกฤษ และจดลงไปในกระดาษ
2. ในสมัยก่อนยังไม่มี Smartphone ส้มก็จะเปิด Dictionary ทันทีที่ติดคำไหน อย่าหยุด และอย่ารอจนเราหมดความสนใจไปแล้ว ทันทีที่นึกคำนั้นไม่ออกเป็นภาษาอังกฤษ เราต้องรีบรู้ และจดคำนั้นเอาไว้ทดสอบตัวเองในวันหน้า ที่สำคัญ การจดศัพท์คำใดก็ตาม อย่าลืมวงเล็บ Part of Speech ลงไปด้วย เพราะนั่นจะทำให้เรานำคำคำนั้นไปแต่งประโยคต่อไปในอนาคตได้ง่ายและถูกต้องยิ่งขึ้น
3. นำทุกสิ่งที่เราจดและเตรียมเอาไว้นั้นมาฝึกพูดจนเราคล่อง เมื่อคิดอะไรที่อยากพูดเพิ่มเติมก็ให้วนสเต็ปนี้ซ้ำอีก บังคับตัวเองว่าเราต้องพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ จนวันนึง เราจะชินกับการพูดภาษาอังกฤษและจดจำคำศัพท์ที่เราพูดบ่อยๆได้จนขึ้นใจค่ะ
...และเมื่อเราทำทั้ง 3 เทคนิคที่ว่านี้จนพูดได้แล้ว อยากจะพัฒนาอีกขั้นให้พูดให้เหมือนฝรั่ง
เราก็สามารถข้ามขั้นไปเรียนรู้เรื่องการลงเสียงหนักเบา (Stress & Intonation) และการออกเสียงคำศัพท์ที่ถูกต้องเพิ่มเติม
เท่านี้เราก็จะพูดได้ใกล้เคียงเจ้าของภาษามากขึ้นค่ะ :D
ทีมงานเด็กอิงก์ ขอขอบคุณคุณส้มสำหรับบทสัมภาษณ์แชร์เทคนิคเก่งภาษาอังกฤษดีๆครั้งนี้
และทุกท่านสามารถติดตามคุณส้มผ่านช่องทางต่างๆนี้ได้เลยครับ:
Som FlyGirl / Beauty Realm